ฟาง
สวัสดีคับ ขอแนะนำตัวก่อนนะ ผมชื่อปอย
เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาประมาณ 2 ปีแล้ว
แต่ว่าผมก้อไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้
แต่ความทรงจำที่น่าประทับใจเหมือนกัน แต่ก้อแฝงไปด้วย
เรื่องเศร้าซึ่งผมไม่ได้อยากให้มันเกิดหรอก
ลองอ่านดูนะคับ
ก่อนอื่นต้องท้าวความไปตอนสมัย ป.6 นะคับ
เมื่อวันที่ผมได้จบ ป.6 วันสุดท้ายที่ได้มาโรงเรียน
มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาร้องไห้ และ
สัญญากับผมว่าถ้าเกิดเขาขึ้นมัธยมเมื่อไร
เขาจะมาเป็นแฟนกับผม
(ตอนนั้นเด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่ ป.1)
เนื่องจากผมไปทำอะไรให้เธอประทับใจก้อไม่รู้
แต่เด็กคนนั้นก้อมาชอบผมแล้ว
และบ้านผมก้ออยู่ใกล้โรงเรียนด้วย
ผมเลยไปหาเธอทุกๆเย็นหลัง
เลิกเรียน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมไม่ได้กลับไปหาเธอ
(อาจจะเนื่องจากชีวิตมัธยมสนุกมั๊ง)
ทำให้ผมลืมเธอไป และแล้วเวลาก้อผ่านไปได้ 6 ปี …….
(เร็วเนาะ)
มีอยู่วันหนึ่งผมกับเพื่อน ๆ
ได้ไปงานเลี้ยงรุ่นที่โรงเรียนมัธยม
ตอนนั้นผมได้เข้ามหาลัยแล้ว
และแล้วก้อเหมือนฟ้าบันดาล
ให้เราได้มาเจอกันอีกครั้งในงานนั้นเอง
เธอเข้าเรียนที่เดียวกับผมหรือนี่ ผมจำเธอไม่ได้หรอก
แต่… เธอเป็นคนเข้ามาทักผมเอง “ พี่ ๆ พี่ปอยใช่มั๊ย ”
หน้าขาว ๆ หมวยนิด ๆ ผมอึ้งไปซักพักนึง
แล้วผมก้อตอบไปว่า “ ใช่คับ แล้วน้องเอ่อ…… ” “ ฟางไง
พี่ปอยจำฟางไม่ได้หรอ “
ผมก้อลองนึกดู แต่ว่าตอนนั้นเป็นอะไรไม่รู้นะ
เหมือนกับว่าสมองมันทึบ
ๆ คิดอะไรไม่ออก
อาจจะเนื่องจากแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปเล็กน้อย
แต่แล้วผมก้อตอบไปว่า
“ อ๋อ .. ฟางเองเหรอ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเนี่ย “
นี่เป็นคำตอบที่ผมคิดได้ไงเนี่ย
ไปได้ขุ่น ๆ จิง ๆ แล้วเธอก้อพูดขึ้นมาอีกว่า “
แล้วจำสัญญาที่ฟางเคยให้ไว้ได้มั๊ย “
แต่ตอนนั้นผมได้แต่คิดว่า เอ็งเป็นใครข้ายังจำไม่ได้เลย
แล้วจะจำได้ไงว่าเอ็งสัญญาอะไรกะข้าไว้
เลยได้แค่ตอบไปอีกว่า “ จำได้สิ “
เป็นคำตอบที่ซี้ซั้วจิง ๆ (-_ -“ )
แต่ไม่รู้จะตอบยังไงนี่นา
พอผมตอบเธอไป เธอทำหน้าดีใจมาก ๆ หน้าขาว ๆ อมชมพูของเธอ
พร้อมรอยยิ้ม
ทำให้ผมยิ่งคิดอีกเธอเคยสัญญาอะไรกับเราไว้ว้า…
รีบคิดหน่อยสิเฟ้ย
แต่พอผมคิดเสร็จเท่านั้นแหละ
เธอถามผมมาว่า“ แล้วฟางเคยสัญญาอะไรกับพี่ปอย บอกหน่อยได้มั๊ย"
เอาแล้วไง… ซวยแล้ว
แล้วเราจะตอบยังไง
รู้งี้ตอบไปตั้งแต่แรกว่าจำไม่ได้ก้อจบเรื่องแล้ว
ผมยืนนึกอยู่ซักพัก
เธอเริ่มทำหน้างอนแล้ว ผมเลยตัดสินใจบอกเธอไป “
พี่ขอโทษนะ
พี่จำไม่ได้ “ ผมได้แต่คิดว่า
ซวยแล้วตู จะทำไงดีล่ะ แต่แล้ว…… ( -_- )’
เมื่อผมตัดสินใจมองหน้าเธอ
เธอกลับยิ้มแล้วบอกผมว่า
“ ไม่เป็นไรหรอก ฟางรู้ว่ามันนานแล้ว แต่ฟางไม่เคยลืมนะ “
คำพูดของเธอทำให้ผมนึกสงสัยเข้าไปอีก
ผมเป็นคนขี้อาย แต่ว่าเมื่อแอลกอฮอล์ออกฤทธิ์
ก้อจะทำให้คนเรากล้าและบ้าบิ่นมากกว่าเดิม
( พวกผู้ชายทั้งหลายอย่างเราน่าจะรู้ดี )
ผมเลยบอกกับเธอว่า
“ งั้นพี่ขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้มั๊ย
กลับบ้านดึกได้หรือเปล่า “
เธอยิ้มแล้วบอกว่า “ ไม่ได้หรอก”
แป่ว…. คำนี้อยู่ในหัวสมองของผม
คนน่ารักอย่างเธอจะไปกับผมทำไม เนอะ ๆ
แล้วเธอก้อพูดว่า
“ พูดเล่นน่ะ วันนี้ฟางบอกพ่อว่าจะค้างบ้านเพื่อน “
เอาแล้ว
สวรรค์เปิดทางให้คนอย่างเราแล้ว
ผมเลยบอกเธอว่า “ งั้นไปกินข้าวกันข้างนอกดีกว่านะ “
เธอไม่ตอบ
แต่ผมลุกไปแล้ว
ผมนึกว่าเธอคงเดินตามมา
แต่เธอกำลังงกระซิบอะไรอยู่กับเพื่อนเธอไม่รู้
แล้วเธอก้อตามผมมา
ผมถามว่าคุยอะไรกันเหรอ (
แล้วมันเรื่องอะไรของเอ็งวะนายปอย )
เธอบอกว่า
“ ฟางบอกเพื่อนว่าวันนี้ไม่กลับนะ
ถ้าพ่อโทรมาบอกว่าฟางนอนแล้ว”
ผมก้อลองคิด
เฮ้ย! ไม่กลับ
แสดงว่าวันนี้ก้อต้องอยู่กับเราทั้งคืนน่ะสิ (
คิดแบบเข้าข้างตัวเองนะ ) แล้วผมก้อพาเธอไป
กินข้าวกันที่ร้านประจำใกล้มหาลัย ( นั่งแท็กซี่ไป )
ขาไปนั่งกันเงียบไม่ค่อยพูดอะไรเท่าไหร่
เพราะกลัวพูดไปก้อเข้าตัวอีกแหละ พอไปถึงก้อสั่งอาหารมา
แล้วผมก้อบอกเธอว่า “ พี่ขอโทษนะที่พี่จำไม่ได้ “
เธอก้อยิ้มแล้วไม่พูดอะไร ผมก้อถามอีกว่า
แล้วฟางสัญญาอะไรกับพี่ไว้เหรอเธอมองหน้าผม
แต่ผมกลับก้มหน้า ไม่กล้าสบตาเธอ เธอบอกว่า “
ฟางล้อเล่นน่ะ
พี่ไม่ได้สัญญาอะไรกับฟางไว้หรอก “
อ้าว…. แล้วเราพามาทำไมเนี่ย
แทนที่จะได้สนุกเฮฮากับเพื่อนเก่า
แต่ก้อนึกได้ว่า ได้มากินข้าวกับเด็กน่ารัก ๆ
ก้อคุ้มแล้ว เรานั่งกินข้าวไป คุยกันไป พอข้าวหมด
ผมก้อสั่งเบียร์มา
แต่เธอไม่ได้กินเหล้านะ เธอกิน SPY
กินไปได้ซักพัก เวลานั้นก้อดึกแล้ว
ผมสังเกตว่าเธอเริ่มเมา
เพราะว่าเธอพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แล้วเธอหน้าแดงด้วย
คนขาว ๆ หน้าแดงออกชมพู ดูง่าย ๆ ผมถามเธอว่า “ เมายัง
เดี๋ยวพี่พาไปส่ง “ เธอกลับพูดว่า
“ พี่คงลืมคนที่สัญญาว่าจะเป็นแฟนกับพี่ไปแล้วใช่มั๊ย “
ผมพอนึกออกแล้ว เฮ้ย! เฮ้ย! เฮ้ย! ตายห่..แล้ว
ใช่เธอหรือเนี่ย ตอนเด็ก ๆ ไม่น่ารักอย่างนี้นี่หว่า
โตขึ้นแล้วโคต..น่ารักเลย นี่แหละ สเป็กเลย ทำไมผมจำเธอ
ไม่ได้นะ แฟน แฟน แฟน ผมคิดถึงคำนี้
ถ้าเราขอเป็นแฟนกับเธอ
เธอจะว่าไงหว่า… ตามน้ำเลยละกัน
แล้วเธอก็ถามผมว่า “ ตอนนี้พี่มีแฟนหรือยังจ๊ะ “
ผู้ชายอ่ะนะ
สันดานเหมือนกันหมด รับรอง ถึงมีก้อบอก
ไม่มีอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นบังเอิญผมมีแฟนแล้ว
อยู่มหาลัยเดียวกัน
ผมตอบไปโดยไม่คิดว่า “ ไม่มี “
เธอยิ้ม ( ทุกครั้งที่เธอยิ้ม
เหมือนว่าโลกทั้งโลกมีอยู่แค่นั้นเองอ่ะ
แต่ผมเองก้อไม่ได้ตาโตไปกว่าเธอหรอก )
แล้วเธอก้อบอกว่า “ งั้นเรามาทำตามที่เคยสัญญากันนะ “
โอ้ว…
เป็นแฟนกับเธอ น่ารักอย่างนี้ใครจะไป
ปฏิเสธลง ผมคิดได้แค่นี้
คิดโดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกของฟาง
และแฟนผม ผมรีบตอบไปเลยว่า
“ จิงเหรอ “ ทั้ง ๆ ที่ใจคิดว่าโชคดีชิบ..เลยเรา
แล้ววันนั้น
ผมก้อพาเธอไปส่งที่บ้านเพื่อน ขากลับเรานั่งคุยกัน
( จับมือด้วย ) ไปตลอดทาง เมื่อถึงหน้าบ้านเพื่อนเธอ
ผมเดินเข้าไปส่งเธอในบ้าน บอกให้พี่แท็กซี่รอแป๊ปนึง
เธอถามผมว่า ( หลาย ๆ คนอาจคิดว่า
ทำไมผมถึงไม่พิมพ์ชื่อฟางไปเลย
เมื่อใกล้จบพวกคุณก้อจะรู้เอง )
“ พี่ปอยกลับไหวมั๊ย ถ้าไม่ไหวนอนค้างที่นี่ได้นะ
มีแค่ฟางกับเพื่อนอีก 2 คนเอง “ ผมตอบไปว่า
“ ไม่เป็นไร พี่กลับได้ “
แต่ในใจคอยเชียร์ว่าชวนอีกครั้งเหอะ
เธอตอบว่า “ ตามใจ กลับดีดีนะ “
แล้วเธอก้อหอมแก้มผมผมแทบเดินตัวลอยออกจากบ้าน
ได้เป็นแฟนกับเด็กผู้หญิงที่ตรงสเป็ก
แถมเค้าหอมแก้มเราอีก โอ้ย…..ดีจัง
และแล้วเวลาก้อผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมคบกับเธอมา 1 ปี
แล้ว
แล้วผมก้อเลิกกับแฟนไปแล้ว
เนื่องจากเธอบอกว่า “ ผมดีเกินไป “ ตอนนี้ฟางอยู่ ม.3
แล้ว ผมก้อขึ้น
ปี 2 ปีนี้เธออายุครบ 15 ปีพอดี
เธอเกิดเดือนเดียวกับผม
ซึ่งเราจะฉลองวันเกิดในวันเดียวกัน
และแล้ววันนั้นก้อมาถึง
วันฉลองวันเกิดของเราสองคน
เนื่องจากเป็นเทศกาลมีวันหยุดหลายวัน
ครอบครัวของเธอจึงพากันไปเที่ยวที่
ต่างจังหวัด แต่เธอไม่ไป
เพราะบอกพ่อว่าจะฉลองวันเกิดกับพวกเพื่อน ๆ ( -_- )”
ตอนแรกผมก้อคิดว่าคงมีเพื่อนเธอมาฉลองด้วยแต่ที่ไหนได้
พอผมไปถึงบ้านเธอ กลับมีแต่เธอคนเดียว ผมคิดว่า
คงมีแต่เรื่องดี ๆ เกิดขึ้นนะ
ผมบอกเธอว่าผมจะซื้อเค้กไปเอง จะได้ไม่ต้องเตรียมอะไรมาก
เธอเลยซื้อกับข้าวเล็ก ๆ น้อย ๆ มาเตรียมไว้
เราฉลองกัน คุยกัน ดูหนังด้วยกัน
เป็นหนังที่เราทั้งสองคนชอบ
เวลาหนึ่งปีช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน เราชอบไป
ไหนมาไหนด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน
พูดได้เลยว่าชีวิตของผมประมาณ 80 %
มีเพียงเรียน เล่นกับเพื่อนและอยู่กับ
ฟาง ตอนนี้เราสองคนรักกันมาก
ประมาณว่าขาดกันไม่ได้เลยแหละ
และแล้วเวลาก้อล่วงเลยมาจนดึก
ผมบอกเธอว่าผมจะนอนที่โซฟาห้องรับแขก
แต่เธอบอกว่าให้ผมไปนอนที่ห้องเธอ ส่วนตัวเธอจะไปนอน
ที่ห้องของน้อง เมื่อผมอาบน้ำเสร็จ เตรียมตัวเข้านอน
เวลาที่ผมรอคอยก้อมาถึง มีเสียงเคาะประตู
( ผมล็อคประตูไว้ ) เธอบอกว่า ขอเข้าไปหน่อยได้มั๊ย
ผมบอกว่าไม่ได้เพราะว่ายังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ( ลองใจดู )
เธอบอกว่าจะเอาของขวัญมาให้
ผมเลยเอาผ้าห่มคลุมตัวแล้วเดินไปเปิดประตู
ชีวิตผมอาจจะเหมือนใน
หนังบ้าง เป็นเพราะอะไรก้อไม่รู้ ภาพที่ผมเห็น
ตอนนี้ยังอยู่ในความทรงจำของผมตลอดเวลา เป็นเด็กผู้หญิง
ใส่แค่ชุดชั้นในสีขาว ( คุณโยะซง กับ คุณกุงเกงใน )
ผูกโบว์สีขาวที่หัว เธอเข้ามากอดผม แล้วบอกผมว่า
“ ตอนนั้นที่พี่ปอยช่วยฟางไว้ พี่ปอยเท่ห์มากเลยนะ “ (
ตอนนั้นผมจำทุกอย่างเกี่ยวกับเธอได้หมดแล้ว )
ผมบอกไปว่า “ ก้อช่วยเพราะอยากช่วยเท่านั้นแหละ “
ขอย้อนนิดนึงนะคับ
เหตุการณ์ตอนนั้นมีอยู่ว่า
ฟางโดนเด็ก ป.5 รังแก เพราะตอนนั้นฟางตัวเล็ก ผอม
ติดขี้เหร่นิด ๆ
แต่ทำไมตอนโตน่ารักไม่รู้นะ
ผมเข้าไปช่วย ฟางเลยเห็นผมเป็นฮีโร่มายบาซิน (ไม่ใช่)
เป็นฮีโร่ตั้งแต่นั้นมา จนถึงทุกวันนี้ ( ไม่ได้เวอร์นะ )
ผมถามเธอว่า “ ไหนล่ะของขวัญ “ ( คำถามอาจจะโง่ไปนิด
แต่ก็แฝงไปด้วยเลศนัย ) เธอยิ้มแล้วบอกว่า
“ ตัวฟางไง ฟางเป็นของขวัญให้พี่ปอย “ ผมอาย
ไม่รู้จะทำอะไรต่อ
ผมเดินไปนั่งที่เตียง เธอก้อเดินมา
นั่งด้วย ผมแอบมองเธอตอนที่เธอเดินมา (
ไม่รู้จะต้องแอบมองทำไม )
วันนี้เธอดูน่ารักมาก ขาวจั๊วะ
น่าเจี๊ยะซะนี่กะไร ผมจะข้ามตอนนี้ไปดีมั๊ยน้า…
แทนที่ผมจะเป็นคนเริ่ม
แต่ที่ไหนได้ล่ะ เธอเข้ามากอดผมทางด้านหลัง เธอบอกว่า “
อยากอยู่อย่างนี้ตลอดไปจัง “ ตัวเธอช่างนิ่มเหลือเกิน
ผมจะทนไม่ไหวแล้วนะเนี่ย
และแล้ว..สัญชาตญาณของผู้ชายก็แสดงออกมา
ผมจับมือเธอออก แล้วผมก็จูบเธอ เธอบอกกับผมว่า
“ ฟางรักพี่ปอยนะ ฟางจะเป็นของพี่คนเดียว “
อายจังที่จะเล่าต่อ
แต่ก้อนะ… ในใจผมคิดว่า
ผมไม่อยากจะมีอะไรกับเธอตอนนี้เลย เพราะเธอยังเด็กอยู่
แต่มือผมมันไม่ยอมทำตามอย่างที่ใจคิด
มันไปแล้ว มันไปปลดตะขอคุณโยะซงซะแล้ว หน้าอกเธอขาวเนียน
ซึ่งไม่น่าจะเป็นของเด็ก ม.3 เลย
ประมาณว่า หน้ามัธยม นมมหาลัย ( คงพอจะรู้นะว่าไม่เล็ก )
แต่พอผมเห็นหน้าอกของเธอแล้ว
ผมคิดขึ้นได้ว่า เรากำลังทำอะไรอยู่เนี่ย
เราทำอย่างนี้ไม่ได้นะ
ผมเลยบอกกับเธอว่า
“ พี่ทำไม่ได้หรอก ฟางยังเด็กอยู่ “
ผมเอาผ้าห่มมาคลุมให้เธอแล้วผมก็ลุกไปนั่งที่โซฟาห้องรับแขกเปิดเพลงเพราะ
ๆ ฟัง ซักพักเธอเดินมานั่งกับผม เธอใส่เสื้อตัวใหญ่ ๆ
ตัวเดียว
ดูแล้วก้อน่ารักไปอีกแบบ
( คงนึกออกนะคับ ) เธอนั่งซบไหล่ผม แล้วเธอก้อยิ้มให้
ผมอยากหยุดเวลาไว้ให้นานที่สุด
ตัวเธอมีกลิ่นหอมคงจะหอมจากยาสระผม
มันทำให้ผมเคลิ้มและหลับไปเมื่อไหร่ก้อไม่รู้
รู้สึกตัวอีกทีก้อเช้าแล้ว
ผมตื่นขึ้นมา อ้าว! …
ผมมานอนตักเธอตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ผมถามเธอว่า
“ นี่พี่นอนตักฟางทั้งคืนเลยเหรอ “
เธอตอบว่าใช่เธอยังไม่ได้นอนเลย
เธอบอกว่าเธอนั่งมองผมทั้งคืน
ผมอึ้งเล็กน้อย แต่ก้อแหย่เล่นถามเธอว่า
“ โม้ป่าว…. “ เธอทำหน้างอนแล้วก้อลุกไปเลย
ส่วนผมก้อไปอาบน้ำเพราะคิดว่าเดี๋ยวเธอก้อหายโกรธ
( ขออธิบายนิดนึงนะ เธอเป็นคนที่ไม่ค่อยสบายบ่อย
ผมเลยคิดว่าผมจะเป็นคนที่ดูแลเธอไปตลอดชีวิต )
เวลาก้อผ่านไปเร็วจัง เธอจบ ม.3 แล้ว ซึ่งเธอก้อเรียนต่อ
ม.4ที่เดิม
ส่วนผมก้อขึ้น ปี 3
และแล้ววันที่ไม่อยากจะให้เกิด มันก้อเกิดขึ้น
วันนั้นเรานัดไปดูหนังด้วยกัน
ก่อนหนังเข้าผมเป็นคนไปซื้อตั๋วหนัง
และของกิน ส่วนเธอบอกว่าเธอจะไปดูเสื้อผ้า
วันนั้นผมไปกับเพื่อนด้วย
ซึ่งมันก้อพาแฟนไปด้วย เธอกลับมา
พร้อมเสื้อ 2 ตัว เธอซื้อมาฝากผมด้วย ( ดีใจจัง )
แต่เมื่อผมเดินมา
สิ่งที่ผมเห็นคือ เธอกำลังคุยกับผู้ชายอยู่ แล้ว
เธอก็ทำเหมือนเช็ดหน้าให้ เท่านั้นแหละ
ผมเดินตรงเข้าไปผลักผู้ชายคนนั้นล้ม แล้วเข้าไปชกเค้า
โดยที่ผมไม่ฟังเสียงเธอและเพื่อน ๆ เธอกับเพื่อน ๆ
เข้ามาห้ามผม
ผมพยายามสะบัดออก แต่เพื่อนมันล็อคตั้ง 3 คน
ดิ้นไม่หลุดแล้ว
เธอถามว่าทำไมทำอย่างนี้ ทำไมไม่ถามเธอก่อน ผมไม่ตอบ
ผมได้แต่มองหน้าเธอ แล้วผมก้อพูดไปว่า
“ เธอนี่ร้ายไม่ใช่เล่นแฮะ
ขอแค่ทำดีกับเธอจะเป็นใครก้อได้ใช่มั๊ย “
ธอน้ำตาไหล แล้วเธอก้อตบหน้าผม
ผมรู้ตัวว่าพูดแรงเกินไปนิด
ผมเลยขอตัวกลับบ้านก่อนเพราะกลัวเพื่อน ๆ
จะเบื่อในการกระทำของผม
พอกลับถึงบ้าน ผมคิดได้ว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปขอโทษเธอ
ผมทำอะไรลงไปเนี่ย งี่เง่าจิง ๆ แต่…… หารู้ไม่ว่า
นั่นเป็นวันสุดท้ายที่ผมได้พูดกับเธอ
มีโทรศัพท์จากพ่อของเธอ
บอกให้ผมรีบไป
ที่โรงพยาบาล ผมถามว่าเกิดอะไรขึ้น
พ่อของเธอบอกว่าเธอไม่สบาย
ให้ผมรีบมา เพราะเธอบอกว่า
อยากเจอผม ผมรีบไปโรงพยาบาลทันที เมื่อไปถึง…
ผมถามพ่อของเธอว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อเธอไม่ตอบ
แต่ว่าผมพอนึกได้ว่าเธอไม่ค่อยสบาย เธอเป็นไมเกรน
ผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอไม่สบายใจ ทำให้เธอคิดมาก
ผมเลยบอกว่าขอผมเข้าไปเยี่ยมได้ไหม
พ่อบอกว่าเข้าไปได้เลย
ตอนนี้เธอกำลังหลับอยู่
ผมเดินเข้าไปเห็นเธอนอนหลับเหมือนกับว่าไม่มีอะไร
เหมือนตอนที่เรานอนเล่นด้วยกันแล้วเธอก้อหลับไปไม่มีผิด
ผมชอบมองหน้าเธอตอนกำลังนอน ดูเธอน่ารักดี ผมจับมือเธอ
มือเธอเย็นพอสมควร ผมนึกว่าเป็นเพราะแอร์ที่เปิด
ค่อนข้างหนาว แต่ผมสังเกตว่าเธอหน้าขาวผิดปกติ
ผมมองเห็นไดอารี่บนโต๊ะข้างเตียงที่เธอเคยเขียนเป็น
ประจำ ผมเลยหยิบขึ้นมาอ่าน เธอเขียนว่า วันนี้วันที่…/
…/ 254… (
ขอโทษนะคับที่บอกไม่ได้ )
“ วันนี้ฟางทำให้พี่ปอยโกรธ
แต่ทำไมพี่ปอยไม่ยอมฟังฟางบ้าง
ฟางไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นอย่างนั้น ฟางขอโทษนะพี่ปอย
มันไม่ได้เป็นอย่างที่พี่ปอยคิด
ฟางแค่จะเช็ดเสื้อให้เค้าเพราะฟางไปชนเค้าทำให้น้ำหก
ใส่เสื้อเค้า
ฟางรู้ว่าฟางผิด พี่ปอยอย่าโกรธฟางนะ
ฟางไม่ได้ตังใจจะตบหน้าพี่ปอยด้วยนะ ฟางขอโทษ
และฟางก้อไม่ได้โกรธพี่ด้วย ฟางรักพี่ปอยเสมอนะ
แลฟางจะรักตลอดไป “
พอผมอ่านจบ น้ำตามันไหลออกมาได้ยังไงไม่รู้
ผมมีความรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังจะเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตไป
ผมลองเอามือแตะที่ จมูกเธอ
เลยทำให้ผมได้รู้ว่าเธอไม่หายใจแล้ว
ผมก้มหน้าลงไปซบที่ตัวเธอ
เธอจากผมไปแล้ว ผมร้องไห้โฮ เธอจากผมไปอย่างไม่มีวันกลับ
ผมรู้สึกผิดที่ทำให้เธอตาย ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะผม
ตอนนี้เราคงคุยโทรศัพท์กันและหลับคาโทรศัพท์ด้วยกัน
ผมแค้นตัวเองที่ไม่ได้แม้แต่ขอโทษเธอด้วยซ้ำ
เธอกลับเป็นคนขอโทษผมเอง ตอนนี้ผมได้แต่มองหน้าเธอ
ผู้หญิงที่รักผมมาตั้งแต่ ป.1 แต่ผมกลับลืมเธอไปตั้ง 6 ปี
เมื่อเราได้กลับมาพบกัน อีกครั้ง และเราสองคนได้รักกัน
ตัวผมกลับทำให้เธอต้องตาย ผมนั่งมองเธอ
นึกถึงเรื่องที่มันเกิดตั้งแต่ผมอยู่ ป.6
นั่งนึกถึงวันที่ได้เจอเธออีกครั้ง
ตอนที่เราได้เป็นแฟนกัน
วันเกิดของผมและเธอ
ทำไมมันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน
เราเคยสัญญากันไว้ว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป
ตลอดเวลาที่ผ่านมา
ผมไม่เคยคิดที่จะเลิกกับเธอด้วยซ้ำ
ถึงแม้ว่าเราจะทะเลาะกันบ้าง
งอนกันบ้าง แต่วันนี้ ไม่มีคนชื่อฟางอีกแล้ว ไม่มีใครคอย
ทะเลาะกับผม ไม่มีใครคอยเป็นห่วงผม
ไม่มีคนนอนหลับคาโทรศัพท์กับผมอีก
คงรู้แล้วนะว่าทำไมผมเรียกฟางว่า
เธอ เพราะว่าทุกครั้งที่ผมนึกถึงฟาง
ทุกครั้งที่ผมพิมพ์ชื่อฟาง
น้ำตามันก้อจะไหลออกมา มันทำให้ผมเศร้า
และทุกครั้งที่ผมคิดถึงเธอผมก้อจะหยิบไดอารี่ของเธอขึ้นมาอ่าน
เธอเริ่มเขียนไดอารี่ตั้งแต่วันแรกที่เราได้เป็น
แฟนกัน ทุก ๆ ครั้งที่เราทะเลาะกัน เราไม่พูดกัน
ผมจะเป็นคนโทรไปหาเธอ
แล้วเธอจะหยิบไดอารี่ขึ้นมาอ่านให้
ฟังทุกครั้ง และเราก้อจะดีกัน (
ตอนที่ผมกำลังพิมพ์อยู่นี้ผมได้หยิบไดอารี่ขึ้นมาดู
ในไดอารี่
มีรูปของเราสองคน
แปะไว้ ทำให้ผมน้ำตาไหลอีกแล้ว ) ผมได้ไปงานศพเธอ
บ้านของเธอนับถือศาสนาคริสต์ ทางบ้านก้อเลยใช้วิธีฝัง
เธอไว้ “ วันนี้เธอฟางดูสวยกว่าทุกวันนะ “
ผมพูดขณะที่นั่งเกาะข้างโลง
เธอไม่เหมือนคนตายเลย วันนี้เธอใส่เสื้อที่เธอซื้อมา
ซึ่งผมก้อใส่เสื้อตัวที่เธอซื้อให้เหมือนกัน
เธอเคยพูดไว้ว่า “
ไดอารี่เล่มนี้ เป็นสิ่งที่แทนความรู้สึกของ
ฟาง หากวันไหนฟางไม่ได้อยู่กับพี่ปอยแล้ว
ขอให้พี่ปอยเก็บไดอารี่นี้ไว้ด้วยนะ
พี่ปอยอ่านแล้วพี่จะรู้เอง
ว่าฟางรู้สึกยังไง “ วันนี้ เธอได้จากผมไปแล้ว
ไดอารี่เล่มนี้
จึงเป็นตัวแทนของเธอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ปลอบใจผมเมื่อผมเหงา
ทุกวันนี้ผมยังทำใจไม่ได้
เพราะเธอยังคงอยู่ในใจผมตลอดเวลา
หากผมย้อนเวลากลับไปได้
ผมจะกลับไปตั้งแต่วันแรกที่เราคบกัน
ผมจะรักเธอให้มากกว่าเดิม ผมจะไม่ทำให้เธอ เสียใจ
ผมจะไม่ให้เหตุการณ์มันเป็นอย่างนี้
เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป
แต่ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะเธอได้จากผมไปแล้วนี่นา
ทุกวันนี้ผมยังพกไดอารี่ของ
เธอติดตัวไปไหนมาไหนตลอด
แต่ก้อยังดีนะที่ผมยังมีตัวแทนของเธออยู่
ผมยังได้เห็นหน้าเธอเมื่อคิดถึง แล้วเธอ
จะยังคิดถึงผมอยู่หรือเปล่าน้า…. ผมคิดว่า คนที่ออกไปรบ
ที่เรียกกันว่าหน่วยกล้าตาย กับคนที่พลีชีพ
เป็นคนที่กล้าหาญ
แต่คนที่ต้องทนอยู่รับความเจ็บปวดจากการที่คนที่เรารักจากเราไปน่ะสิ
น่านับถือกว่า ผมไม่ได้เข้าข้าง
ตัวเองนะ แต่ถ้าให้เลือกระหว่างตาย
กับยังมีลมหายใจแต่ว่ายังต้องเจ็บปวดใจอยู่
ผมเลือกความตายดีกว่า
เพราะผมไม่อยากทนรับความเจ็บปวด ที่มันฝังใจ
แต่มันก้อแก้ไขไม่ได้แล้วเนอะ ยิ่งผมได้ฟังเพลง
เธอจะอยู่กับฉัน ตลอดไป ของวงแคลช แล้วผมเอาไดอารี่มานั่งดูรูปเก่า ๆ
ของเราสองคนด้วย
ก้อทำให้ผมได้รู้ว่า เคยมีคนที่เรารัก
และรักเรา ผมดีใจที่ได้พบกับเธอ เป็นแฟนกับเธอ
มันเป็นความทรงจำที่ดีจิง ๆ
ถึงแม้ว่านึกถึงแล้วจะต้องร้องไห้ก้อเหอะ
เอาเป็นว่ายังไงผมก้อยังจะรักน้องฟางตลอดไปละกัน
เรื่องของผมก้อมีเท่านี้แหละคับ
ตอนนี้ผมหยิบไดอารี่ขึ้นมาดูอีกแล้ว
ขอให้ทุกคนรักษาคนรักของตัวเองให้ดีนะคับ
ขอบคุณเรื่องสั้นดีๆ จาก http://medinfo.psu.ac.th/pr/WebBoard/Temp/readboard.php?id=470