Animated Dragonica Star Glove Pointer

มันเป็นแค่ แม่หมาตัวหนึ่ง... !!!






บ้านพักผมอยู่ชานเมือง ส่วนที่ทำงานอยู่ในเมือง ระยะทางจากบ้าน
พักถึงที่ทำงานประมาณ 3 กิโลเมตร ผมมีรถส่วนตัวขับไปทำงาน
ทั้งไปและกลับ..


วันหนึ่งช่วงเช้าผมขับรถไปทำงานตามปกติ เส้นทางนี้เป็นถนนสองเลน
ลาดยางมะตอย สองข้างทางบางช่วงไม่มีบ้านคน จะมีบางช่วงที่เป็นที่
ชุมนุมชนมีตลาดเล็กๆ อยู่ข้างทาง รถราบนถนนไม่ค่อยมีเพราะไม่ใช่
ถนนสายหลัก แต่ก็ มีวิ่งอยู่เรื่อยๆไม่ถึงกับเปลี่ยว..


ขับมาได้ซักครึ่งทาง ใช้ความเร็วพอประมาณไม่เกิน 80 ผมมองเห็นมีหมา
ตัวหนึ่งยืนอยู่ริมถนนทางด้านซ้ายมือ มัน ยืนเก้ๆกังๆอยู่ข้างถนนบนไหล่
ทาง ผมลดความเร็วพลางคิดว่า มันจะวิ่งข้ามถนนหรือเปล่า ? จนมาถึง
ใกล้ๆระยะประมาณ 20 เมตรเจ้าหมาตัวนี้ก็ยังยืนอยู่เฉยๆ มองเห็น
นมยานเป็นแถวเห็นได้ชัดเจนเป็นคงหมาแม่ลูกอ่อน ความที่ผมกลัวมันจะ
วิ่งออกมาที่ถนน จึงกดแตรบีบไล่เพื่อให้มันหลบออกไป แต่แทนที่มันจะ
หลบออกไปข้างทาง มันกลับวิ่งทื่อออกมากลางถนน ผมตกใจเอาเท้าแตะ
เบรกเบาๆเพื่อชะลอความเร็วของรถ


ทำให้มันวิ่งผ่านหน้ารถผมไปได้ ไปอยู่อีกเลนทางด้านขวามือ ช่วงฉุกละหุก
ผมไม่ได้สังเกตุว่ามีรถอีกคันหนึ่ง วิ่งมาจากทางด้านหลัง พอผมชะลอความเร็ว
รถคันนี้ก็แซงออกไปทางด้านขวา


มันเกิดขึ้นรวดเร็วมาก เจ้าหมาแม่ลูกอ่อนวิ่งกำลังจะพ้นผิวจราจรของถนนอยู่
แล้วแต่ไม่อาจทันความเร็วของรถที่วิ่งมาถึงพอดี ด้านหน้าของรถทางด้านขวา
ซัด เข้าไปที่บั้นท้ายช่วงขาหลังอย่างแรง เสียงเหล็กกระทบเนื้อของเจ้าสัตว์
ตัวเล็ก ดังตึ๊บ !! ตัวกระเด็นลอยสูงไปตามแรง หมุนคว้าง แล้วก็ตกลงไป
ในพงหญ้าข้างทาง


ไม่มีเสียงร้อง ซัก แอะ ! ผมตกใจมือไม่สั่นเพราะมันเกิดขึ้น ต่อหน้าต่อตา
พอหายตกตะลึง ผมเอารถจอดข้างทาง ในใจนึกเป็นห่วงเจ้าหมาแม่ลูกอ่อน
ตัวนี้ขึ้นมาในทันที คงเป็นเพราะผมเป็นต้นเหตุให้มันถูกชน ผมไม่น่าบีบแตร
ไล่มันเลย ถ้าไม่บีบมันคงไม่วิ่งออกมากลางถนน และที่สำคัญมันเป็นหมา
แม่ลูกอ่อน ถ้ามันตาย ลูกมันจะเป็นอยู่อย่างไร ?


ผมเปิดประตูรถออกมายืนข้างถนน มองไปทางตำแหน่งที่หมากระเด็นตกลง
ไปไม่นานผมได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด จากเสียงค่อยๆ จนถึงดังแรงขึ้น
ซึ่งแสดงถึงความเจ็บปวดที่ทวีความรุนแรงขึ้น พอรู้ว่ามันยังไม่ตาย ผมวิ่งข้าม
ถนนไปยังตำแหน่งที่เจ้าหมาตกลงไป..เดินแหวกหญ้าลงไปตามเสียงร้องที่
บางครั้งเบา บางครั้งก็แรงขึ้น..เป็นระยะๆ


ผมเดินจนไปถึงตัวมัน ภาพที่เห็นทำเอาผมใจห่อเหี่ยวและหดหู่อย่างบอกไม่ถูก
ขาหลังทั้งสองข้างหักพับงอ ขี้เยี่ยวเปรอะเรี่ยราด ขาหน้าทั้งสองข้างสั่น ดิกๆ.
.คงเพราะความเจ็บปวด แต่ที่ทำให้ผมปวดร้าวใจมากแทบกลั้นความสงสารไว้ไม่
อยู่ คือสายตาของเจ้าหมาที่มองมายังผม มันเป็นสายตาที่วิงวอนและโหยหา..
ผมไม่เคยเห็นแววตาของหมาแบบนี้มาก่อนเลย..


แถวๆนี้ไม่มีบ้านคน เลยไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ ผมยืนเก้ๆกังๆทำอะไรไม่ถูก
สมัยนั้น (พ.ศ. 2520) โรงพยาบาลสัตว์ไม่เคยมี สัตว์แพทย์ผมก็ไม่รู้จัก ผมไม่รู้
จะทำอย่างไงดี ?กลับไปที่รถ หยิบกระติกน้ำและขนมปังที่ติดอยู่ในรถ เอามาให้
เจ้าหมากิน ..


เอาผ้าเช็ดรถมาปูให้มันนอน หาเศษไม้แถวๆนั้นทำเป็นเสาสี่ต้นเตี้ยๆ เอาเสื้อยืด
เก่าๆของผมที่อยู่ท้ายรถเอามาทำหลังคา เพื่อกันแดดให้มัน ..


นังแม่ลูกอ่อน นอนอยู่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวจะไปตามหาเจ้าของ มาให้ ใครจะ
ว่าบ้าก็ได้ ผมพูดกับหมา ก่อนจากออกมา..


ผมขับรถออกมาประมาณ 300 เมตร มาถึงบ้านหลังหนึ่ง อยู่ข้างถนน จอด
รถเสร็จ เดินลงไปที่หน้าบ้านมีคนอยู่ในบ้าน 3-4 คน ถามเค้าว่า ได้เลี้ยง
หมาแม่ลูกอ่อนบ้างหรือเปล่า ? มันถูกรถชนบาดเจ็บอยู่ใกล้ๆบ้าน นี่ แหละ !
ปรากฏไม่มีใครสนใจหรือยอมรับอะไร พวกเล่นส่ายหน้าอย่างเดียว ดูแล้ว
ไม่ตื่นเต้น คงคิดว่าแค่หมาถูกรถชน..


ไปแวะถามอีก 3-4 หลัง ก็ไม่มีใคร รับเป็นเจ้าของ อีกทั้งไม่มีใครใส่ใจอะไร
ผมจึงรีบขับรถไปทำงานก่อน เดี๋ยวไปเข้าสาย เจ้านายจะด่าเอา. วันทั้งวันนั่ง
ทำงานไม่รู้เรื่อง เพราะใจพะวงห่วงหมาแม่ลูกอ่อน..


พองานเลิก 4 โมงครึ่ง ผมรีบกลับออกไปดูทันทีด้วยความเป็นห่วง จอดรถ
เสร็จรีบเดินลงไปดู ในใจคิดว่าผมจะเอาตัวแม่กลับบ้านไปด้วย แต่ต้องค้นหา
ลูกให้เจอก่อน ต้องเอาไปให้หมดทั้งแม่ทั้งลูก เดินไปถึงจุดเดิมที่เจ้าหมานอน
เจ็บเมื่อเช้า เสื้อยืดที่ผมเอามาทำหลังคายังอยู่ ..


พอก้มตัวมองลอดเข้าไปผมต้องตกใจ เพราะพื้นที่ว่างเปล่า ! ไม่มีแม่หมา
นอนอยู่ นึกดีใจคิดว่าคงไม่เป็นอะไรมากน่าจะกลับไปหาลูกได้แล้ว แต่ก็ข้อง
ใจอยู่นิดๆเพราะบาดแผลที่ผมเห็นตอนเช้ามันสาหัสพอดูแต่ก็ไม่คิดอะไรมาก
คิดเข้าข้างตัวเองว่าบางที่หมาก็หนังเหนียวเหมือนกัน


ตอนที่ เดินกลับขึ้นมาที่ริมถนน สายตาผมสังเกตเห็นที่พื้นถนนมีรอยเลือด
น้อยๆและเศษขี้ของหมา รอยเป็นทางเหมือนลากของ จากฝั่งที่ผมยืนอยู่ไป
ยังฝั่งตรงกันข้าม ก็คือจุดที่แม่หมายืนอยู่ครั้งแรก ก่อนที่จะข้ามถนนมาถูกรถชน


ด้วยความสงสัย จึงเดินตามรอยไป พบว่าร่องรอยไปหยุดอยู่ที่โพรงไม้ซึ่ง
อยู่ห่างจากริมถนนไปไกลพอสมควร ผมก้มตัวมองเข้าไปในโพรง ได้ยิน
เสียงลูกหมาแว่วๆมาเข้าหู แต่เสียงอ่อนและแหบเต็มที


ผมดีใจสุดๆที่พบลูกหมาแล้ว และคิดว่าแม่มันคงอยู่ไม่ไกล ผมจัดการรื้อ
โพรงไม้นั้นออก ไม่นานก็เจอตัวแม่หมานอนเหยียดยาวให้ลูกกินนม ลูก
หมายังไม่ลืมตามีอยู่หกตัว


ทุกตัวนอนกลิ้งเกลือกอยู่ตรงเต้านมแม่ แต่แข่งกันร้องกันเสียงระงมไปหมด
เหมือนร้องเพราะความหิว ผมมองไปที่ขาหลังของแม่หมา พลางคิดว่ามัน
ไม่น่าเดินทางมาถึงโพรงไม้นี้ได้เพราะ สภาพหักยับเยินไปหมด ผมคิดว่าจะ
อุ้มแม่หมาไปที่รถก่อน ลูกหมามาเอาอีกเที่ยว..


พลันที่สายตาผมมองไปที่หน้าของมัน ผมใจหายวูบ และความรู้สึกที่ตามมาคือ
มันเหมือนมีอะไรมาจุกที่คอหอย หายใจติดขัดขึ้นมาทันใด..


ภาพที่ทำร้ายจิตใจผมจนหดหู่เกินบรรยาย คือ แม่หมานอนลืมตาโพลง มีมดตัว
เล็กๆมาตอมอยู่รอบๆดวงตา..


อนิจจา แม่หมาได้ตายไปแล้ว ไม่รู้ว่าตายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมเดินถอยออกมานั่ง
ลงกับพื้นหญ้าใกล้ๆ ยอมรับว่าทำอะไรไม่ถูก มันช็อกความรู้สึกไปชั่วขณะ ผมคิด
ถึงแม่ขึ้นมาทันทีเกิดความรักแม่ขึ้นมากะทันหัน..


ความรักลูกของแม่หมาตัวนี้ (คงไม่ใช่เฉพาะตัวนี้ตัวเดียวคงเหมือนกันทั้งหมด)
ยื่งใหญ่สุดที่จะบรรยาย ขนาดตัวเจ็บเจียนตาย แต่ด้วยสำนึกของความเป็นแม่
ยังแข็งใจยอมทนความเจ็บปวด กลับมาให้นมลูก เพราะห่วงลูก โดยไม่ห่วงตัวเอง..
เลยซักนิด...


ผมจ้างคนแถวนั้นให้ฝังแม่หมา แล้วเอาลูกหมามาเลี้ยง...ยังคิดว่าพวกมันเมื่อ
เติบใหญ่ขึ้นมา มันจะรู้มั๊ยว่า ครั้งหนึ่งแม่ของพวกมันได้ทำอะไรไว้ให้บ้าง
และจะทำตัวเป็นหมาที่ดีหรือเปล่า ??

ขอบคุณเรื่องสั้นดีๆ จาก Dreampoem.com


สถานะ... กูเจ็บ

โพสต์โดย : สถานีคำคม ~ สถานี คำคม

เพจ มันเป็นแค่ แม่หมาตัวหนึ่ง... !!! โพสต์โดย สถานีคำคม เมื่อ วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556