Animated Dragonica Star Glove Pointer

แก้วตาดวงใจ


“แล้วแม่จะอยู่ยังไงล่ะลูก ฮือๆ ฮือๆ ฮือๆ”

เสียงคร่ำครวญของหญิงชราวัย 60 ต้นดังไปทั่ว คนในงานต่างพากันน้ำตาไหลตามเจ้าของงาน นางสร้อยนั่งร้องไห้อยู่หน้าศพของลูกชายนานแล้ว ข้างๆ เป็นนางนิ่ม น้องสาวเพียงคนเดียว มือซ้ายบ่งบอกกึงความชราที่เพิ่มขึ้น บีบเข้าที่หัวไหล่ซ้ายของพี่สาวเป็นช่วงๆ อย่างเข้าใจ

“ลูกมันจะห่วงนะพี่ ให้มันไปดีเถอะ อวยพรให้มันไปเกิดบนสวรรค์นะพี่นะ ชาตินี้ มันทำบุญมาอยู่กับพี่แค่นี้”

คำพูดที่ดูจะช่วยอะไรได้ไม่มากในยามนี้ แสดงความห่วงใยออกมาอย่างลึกซึ้ง แต่ไม่สามารถเยียวยาความรู้สึกที่ปวดร้าวทรมานนี้ได้เลย

เต้ยเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี ผิวค่อนข้างคล้ำ แต่รับกันกับร่างกายที่สมส่วนเริ่มเป็นหนุ่มขึ้นทุกวัน ผมและคิ้วสีดำ มองดูเข้ากันกับดวงตาที่แฝงไปด้วยความมุมานะอยู่ภายใน นางสร้อยมีอาชีพขายผัก อาศัยอยู่ในบ้านสวนหลังกะทัดรัด ติดแม่น้ำ การปลูกผักขายจึงดูเป็นอาชีพที่สมเหตุสมผลดี แม้พ่อจะทิ้งไปตั้งแต่ยังเด็ก การเลี้ยงดูเอาใจใส่จากแม่ ทำให้เต้ยเป็นเด็กดี เข้าใจสภาพของครอบครัว ออกจะเป็นเด็กที่โตเกินอายุ มีความคิดความอ่านที่เป็นผู้ใหญ่แม้อายุจะยังน้อยก็ตาม

“ช่วยฉันหน่อยนะพี่ นี่ลูกฉันต้องเปิดเทอมพร้อมกันตั้ง 3 คน ฉันหมุนเงินไม่ทันจริงๆ ถ้าพี่ไม่ค้ำให้ฉัน ฉันก็ไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้วอ่ะพี่ นะพี่นะ”

นางสุมน เพื่อนแม่ค้าที่ขายผักอยู่แผงติดกัน พูดรบเร้านางสร้อย สองมือก็รับผักจากลูกค้ามาใส่ถุงอย่างทะมัดทะแมง สีหน้าขอความเห็นใจ ฉายอยู่บนใบหน้านั้นนานหลายนาที

“สุมนเอ้ย ถึงฉันจะมีลูกคนเดียว ฉันก็ต้องกินต้องจ่ายเหมือนกันนะ ไหนจะค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอะไรจิปาถะอีก ถ้าฉันค้ำให้แล้วแกไม่ส่งเงินเค้า ฉันไม่ซวยรึไง”

“โธ่พี่ ฉันจะไม่ส่งได้ยังไงล่ะ ฉันรู้ ว่าพี่ก็ลำบาก ฉันจ่ายแน่ พี่ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่เคยเบี้ยวเงินใครนะพี่ ฉันก็ทำมาหากิน พี่ก็เห็นนิ่ ใช่มั๊ย ช่วยฉันสักครั้งนะ ฉันจะไม่ขอให้พี่ทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว ฉันสัญญา”

น้ำเสียงรบเร้าจากนางสุมน ยิ่งทำให้นางสร้อยอึดอัด แม้อีกใจจะสงสาร แต่เพราะกลัวสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น จึงลังเลที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือแบบนั้น

“ฉันไหว้ละพี่ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว จริงๆ พี่ ขอร้องล่ะ”

นางสุมนยกมือขึ้นไหว้ หลังจากลูกค้าคนสุดท้ายเดินหันหลังจากแผงผักนั้นไป เมื่อเห็นสีหน้าและมือที่ยกไหว้ค้างไว้อย่างนั้น นางสร้อยจึงส่ายหัวอย่างหมดหนทาง

“เออๆ ทำตามที่พูดด้วยล่ะ อย่าทำให้ฉันกับลูกต้องลำบากนะ นี่เห็นว่าแกเป็นน้องเป็นนุ่ง ฉันจะช่วยแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว แล้วอย่าไปบอกใครว่าฉันค้ำให้ล่ะ เดี๋ยวจะพากันมายกใหญ่”

“จ่ะพี่ ฉันไม่บอกใครหรอก ขอบคุณนะพี่นะ ขอบคุณพี่จริงๆ ที่ยอมช่วยฉัน”

นางสุมนมีสีหน้าดีใจออกมาในทันที ดวงตาดูมีความหวัง สีหน้าขอความเห็นใจเมื่อครู่หายไปแล้ว

ทุกอย่างในตลาดดำเนินไปเหมือนทุกวัน ทุกอณูในตลาดดูวุ่นวาย เสียงคนเหมือนเสียงจักจั่นที่เซ็งแซ่ในยามค่ำคืน เสียงต่อรองราคา เสียงสาดน้ำ เสียงพูดคุย ดังสะพัดปะปนกันไปในอากาศ นางสร้อยเริ่มกังวล หลังจากที่นางสุมนหายหน้าไปจากแผงผักมาได้ร่วมอาทิตย์ ถามใครก็ไม่มีใครรู้ เงินแสนที่นางสร้อยไปค้ำประกันให้ เริ่มมีปฏิกิริยาขึ้นมาแล้ว

“นี่ ป้าอ่ะชื่อสร้อย คนที่ไปค้ำประกันให้นางสุมนมันรึป่าว”

น้ำเสียงคนถามดูไม่เป็นมิตรนัก ผู้ชายอีกสามสี่คนที่ยืนอยู่ด้านหลังคนพูด ยิ่งทำให้อากาศภายในใจของนางสร้อยเย็นวาบลงไปอีกหลายองศา

“จ่ะ ป้าเอง มีอะไรหรอจ๊ะ”

“อีสุมนมันไม่ใช้หนี้ฉันมาสองเดือนละนะ ฉันตามหามันมาสักพักละเนี่ย แล้วนี่มันไม่มาขายของหรอ”

“มันไม่มาหลายวันแล้วล่ะ” นางสร้อยตอบไป ความกังวลตัวใหญ่กว่าที่คิดไว้เยอะ

“อย่าว่าฉันอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ ในเมื่อป้าค้ำให้มัน ถ้ามันไม่จ่ายแบบนี้ ป้าก็ต้องชดใช้เงินแทนมัน สองเดือน ต้นทบดอกตอนนี้ ป้าต้องให้พวกฉัน 20,000”

“อุ้ย เงินขนาดนั้นป้าไม่มีหรอก” ความกลัวพุ่งพราดเข้ามาในใจอย่างช่วยไม่ได้แล้ว

“ฉันให้เวลาป้าอาทิตย์นึง ถ้าอาทิตย์หน้าฉันมาเก็บไม่ได้ อย่าหาว่าพวกฉันใจร้ายเลยนะป้า”

เมื่อชายกลุ่มนั้นเดินพ้นไปจากสายตา นางสร้อยนั่งเอามือชกอกตัวเอง กลืนน้ำลายไม่ลง นึกถึงนางสุมนในวันที่ขอร้องให้ตนช่วย

“ทำไมทำกับข้าแบบนี้ อีสุมน”

สายไปแล้วที่จะคิดถึงนางสุมนในตอนนี้ ที่น่าห่วงคือเต้ย ที่กำลังเรียนหนังสือในวัย 17 ปี ค่าเทอมที่เพิ่งจ่ายไป ทำให้เหลือเงินเก็บไม่มากนัก และต้องเอามาหมุนเวียนใช้จ่ายในบ้านต่อ

“แม่ หนูกวาดบ้านถูบ้านเสร็จละนะ หนูจะไปเตะบอลกับเพื่อนก่อน สัก 6 โมงหนูค่อยกลับบ้าน อยากกินไข่น้ำมากเลย วันนี้ทำไข่น้ำนะแม่”

เต้ยแวะมาบอกกับแม่ที่ตลาดเป็นประจำ เมื่อเลิกเรียนและจะออกไปเที่ยวหาเพื่อน

“เอ้ออออ แม่จะทำไว้ให้นะ รีบไปรีบมาลูก” น้ำเสียงที่ฟังดูผิวเผินนั้นไม่ได้มีอะไรผิดแปลก แต่จริงๆ มันเจือความกังวลและความกลัวไว้ภายใน “อีกแค่ 7 วัน โอ๊ย จะทำยังไงดีวะเนี่ย”

วันนี้นางสร้อยไม่ได้ไปขายของที่ตลาดเหมือนทุกวัน เมื่อคืนก็นอนไม่หลับ หากวันนี้เกิดอะไรขึ้น ที่ห่วงก็คงจะมีแต่เรื่องลูกเท่านั้น

“ไงป้า เงิน 20,000 เตรียมไว้พร้อมรึยัง” เสียงเดิมที่เคยได้ยินเมื่ออาทิตย์ก่อนดังมาจากประตูหน้าบ้าน ชายสามคนพากันเดินเข้ามาในตัวบ้าน

“หนู ป้าไม่มีหรอก เงินเยอะขนาดนั้น ป้าขายผักได้วันละไม่กี่ร้อย จะหาเงินหลักหมื่นจากที่ไหนกัน”

“อ้าวป้า พูดงี้ได้ไง สัญญาต้องเป็นสัญญา ในเมื่ออีสุมนมันจ่ายไม่ได้ ป้าต้องรับผิดชอบ มันก็ถูกแล้วนิ่”

“แต่เอ็งให้เวลาป้าแค่ 7 วัน ป้าจะไปหาจากที่ไหนล่ะ เงินป้าก็ไม่ได้เป็นคนยืม ป้าแค่ไปค้ำให้มันเฉยๆ ให้ป้าติดต่อมันได้ก่อนนะ แล้วป้าจะทวงให้”

“อ่าว ป้านี่พูดไม่รู้เรื่องรึไง ถึงเวลาต้องคืนก็ต้องคืน ไหน ในบ้านมีอะไรบ้าง ไป มึงสองคน ไปค้นดูให้ทั่ว”

บ้านถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย ชายคนหนึ่งหันไปเห็นกระปุกออมสินใบหนึ่งที่ตั้งไว้ใกล้กับทีวี

“นี่ไงพี่ ในนี้น่าจะพอมีตังค์อยู่บ้าง ทุบเลยมะ”

“เออ ทุบเลย มีเท่าไร มึงเอาออกมาให้หมด”

นางสร้อยกระโจนเข้าไปตรงหน้าทีวี แต่ชายคนหนึ่งคว้าแขนไว้ได้ นางสร้อยจึงถูกเหวี่ยงไปจนกระเด็น กระปุกออมสินของลูกกำลังจะถูกทุบออก ภาพในหัวตอนนี้มีแต่ใบหน้าของลูก ผู้ชายคนหนึ่งเข้าประชิดนางสร้อยแล้วดึงแขนที่พยายามจะยื่นออกไปเพื่อคว้ากระปุกออมสินนั้นไว้ น้ำตาเริ่มไหลอาบสองแก้ม

“เฮ้ย ทำอะไรน่ะ ปล่อยแม่กูนะ”

เสียงเด็กหนุ่มตะโกนร้องเข้ามาในบ้าน กระเป๋านักเรียนถูกกระชากออกจากแขนขวาตัวเองอย่างรวดเร็ว เต้ยไม่ได้เข้าไปช่วยแม่ในทันที แต่กลับวิ่งเข้าไปในครัว คว้าเอามีดปลายแหลมแล้วกลับออกมาอย่างรวดเร็ว เต้ยพุ่งตรงไปที่ชายคนที่ยึดแขนแม่ไว้ เขารีบปล่อยแขนนางสร้อยออก

“แม่มาอยู่หลังหนู” นางสร้อยกุมชายเสื้อนักเรียนของลูกไว้

“ไปลูก หนีไปก่อน เราอยู่ไม่ได้แล้ว” เต้ยแกว่งมีดไปมาซ้ายขวา สองขาพยายามก้าวถอยหลังไปตามแรงดึงของแม่

“มึงจะหนีไปไหน เอาตังค์มาใช้หนี้กู” ชายสามคนขยับขาไปมาเพื่อหลบปลายมีด พยายามจะล้อมเด็กหนุ่มไว้ เมื่อคนทางซ้ายคว้าเข้าที่แขนขวาของเต้ยได้ เต้ยพยายามสะบัดแขน มือซ้ายเอื้อมไปช่วยมือขวาพยุงมีดในมือไม่ให้โดนแย่ง ผู้ชายขวามือวิ่งเข้าไปคว้านางสร้อยแยกไปอีกครั้ง

“ระวังนะลูก เต้ย ระวัง โอ๊ย ปล่อยกู อย่าทำลูกกู กูยอมแล้ว อย่าทำลูกกู ฮือๆ พอแล้ว พอแล้ว” นางสร้อยพูดออกมาไม่เป็นคำ

เมื่อจะถูกชายคนที่เหลืออยู่โผจับเข้าที่ลำตัว เต้ยยกเท้าขึ้นถีบ สองมือยังพยายามประคองมีดซึ่งกำลังจะโดนแย่งจากชายอีกคน แต่แรงของเด็กหนุ่มวัยเพียง 17 ปี หรือจะสู้แรงจากชายฉกรรจ์ 2 คนที่ผ่านการต่อสู้มามากกว่า เมื่อมีดในมือหลุดจากชายคนที่พยายามจะแย่งมีดได้ เต้ยเงื้อมมือจะแทงชายอีกคนที่กำลังพุ่งเข้ามา ความเร็วกว่าของชายคนนั้นทำให้มีดที่เงื้อมขึ้นในระดับอก ถูกกระแทกกลับเข้าหาตัวของเต้ยอย่างแรง

เต้ยยืนตาค้าง ร่างยังไม่ทันร่วงลงไปกับพื้น ชายสองคนตรงหน้าผงะออก แม่ที่ยืนอยู่กับผู้ชายอีกคนอ้าปากค้างกับภาพตรงหน้า

“เต้ยยยยยยยยยยย” นางสร้อยกรีดร้องสุดเสียง ชายสามคนรีบวิ่งออกจากบ้านไป นางสร้อยวิ่งเข้าไปหาลูก กอดร่างที่เต็มไปด้วยเลือดนั้นไว้กับอก

“ไอสาระเลว มึงฆ่าลูกกู มึงฆ่าลูกกู เต้ยยยย ลูกแม่ เต้ยยยยยย ฮือๆ เต้ยยยยยย ตื่นสิลูก ตื่นนนนนน ไอชั่ว ไอเลว มึงทำลูกกูทำไม เต้ยยยย” เสียงร้องนั้นระงมไปทั่ว นางสร้อยร้องไห้ปริ่มใจจะขาด ภาพของเด็กชายตัวน้อยวิ่งเล่นในบ้าน รอยยิ้มนั้นอบอุ่น มองมาที่แม่อย่างเข้าใจ มองกลับมาด้วยความรัก ไม่มีอีกแล้ว เด็กชายคนนั้น

ควันที่พุ่งออกจากปล่องเมรุ ยิ่งทำให้น้ำตาของแม่ไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ น้ำเสียงกรีดร้องราวจะขาดใจตาย สะเทือนเข้าไปในหัวใจของแขกที่มาร่วมงาน มีเพียงคำร่ำลาสุดท้ายจากทุกคนที่ร่วมกันส่งเต้ยขึ้นสวรรค์ “หลับให้สบายนะลูก”

หลังเสร็จสิ้นงานศพไป 2 วัน ไม่มีน้ำตาอีกแล้ว นางสร้อยกำภาพของลูกชายซึ่งเป็นภาพปัจจุบันไว้ในมือ รูปภาพถูกทาบแนบไว้กับอก ราวกับกำลังกอดลูกเป็นครั้งสุดท้าย สายตามองไปข้างหน้า

“เต้ยเอ้ย เกิดมาชาตินี้ แม่ทำให้หนูลำบาก พ่อก็ทิ้ง ยังต้องมาตายเพราะแม่อีก แม่ขอโทษนะลูก กลับมาเกิดเป็นลูกแม่อีกนะ”

หัวขบวนรถไฟที่เพิ่งขับผ่านไป จอดอยู่ไกลออกไปไม่ถึง 1 กิโลเมตร ท้ายขบวนก็อยู่ไม่ไกลจากฝูงชนมากนัก เสียงผู้คนตะโกนโหวกเหวก เรียกร้องให้คนมาช่วยกัน ภาพของไทยมุงที่แท้จริง นางสร้อยหลับไปแล้ว ครึ่งตัวล่างที่โดนรถบดขยี้ไปเมื่อครู่ เผยให้เห็นลำไส้ถูกลากกระจายไปตามทางรถ ขาซ้ายบิดงอ ถูกเหยียบแบนพาดอยู่บนขอบรางดูน่ากลัว 2 แขนกางออก ไม่มีอะไรต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมานอีกต่อไป ภาพถ่ายของเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังยิ้มอย่างมีความสุข ปลิวไปติดอยู่กับกอหญ้าข้างทาง อาจไม่มีใครได้พบเจออีกแล้ว แต่สองแม่ลูกกำลังจะได้พบกันในอีกไม่นาน

ขอบคุณเรื่องสั้นดีๆ
จาก https://storylog.co/story/5c88b43db9be094628459bbc

โพสต์โดย : สถานีคำคม ~ สถานี คำคม

เพจ แก้วตาดวงใจ โพสต์โดย สถานีคำคม เมื่อ วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2562